เป็นรีวิวแรกกับการรีวิวสมาร์ทโฟนรู้สึกตื่นเต้นนิดๆหน่อยๆ ถูกบ้างผิดบ้างขออภัยด้วยเด้อ ได้รับเครื่อง HUAWEI รุ่น GR5 มาก่อนจะไปเที่ยวสงกรานที่เชียงใหม่ได้ 2 วันเลยมีโอกาสนำไปใช้ด้วยเลย เพื่อทดลองการใช้งานจริงส่วนจะเป็นยังไงกันนั้นมาชมกันเลย
SPEC เครื่อง Huawei GR5
- ราคาเปิดตัว 8,990 บาท (กุมภาพันธ์ 2559) ปัจจุบันมีโปรนี้คุ้มมากลดเหลือ 7,990 บาท
- ขนาดตัวเครื่อง / น้ำหนัก 151.3 x 76.3 x 8.15 มม. 158 กรัม
- ขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้ว Full HD 1080p
- รันระบบปฏิบัติการ Android 5.1.1 Lollipop ครอบทับด้วย Emotion UI 3.1
- Android 5.1
- 2 ซิมการ์ด (Micro SIM + Nano SIM)
- 3G / 4G LTE ทุกเครือข่ายในไทย
- แรม 2 GB
- ความจำภายในตัวเครื่อง 16 GB (รองรับ microSD card สูงสุด 128 GB)
- กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล แฟลช LED
- กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
- แบตเตอรี่ 3,000 mAh ถอดเปลี่ยนเองไม่ได้
HUAWEI GR5 สมาร์ทโฟนตัวใหม่นี้ที่เพิ่งเปิดตัวไม่นานมานี้รู้สึกว่าจะมีคนสนใจกันมากเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลาง และดีไซน์สวยงามฟีเจอร์ครบครัน ส่วนราคาน่าคบหาเป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียว ชักจะอดใจไม่ไหวแล้วเริ่มจากแกะกล่องกันเลยครับกล่องสีแดงไม่ใหญ่มาก
ตัวเครื่องดีไซน์สวยงามมาก วัสดุตัวเครื่องเป็นโลหะขัดลายสวยงาม ผมมองว่าตัวเครื่องแบบนี้ชักโชว์คนอื่นได้ไม่อายใครเลยนะเนี่ย อีกหนึ่งข้อดีที่เป็นความประทับใจเล็กๆคือรุ่นนี้ติดฟิล์มกันรอยมาให้เรียบร้อยแล้วทำให้เราไม่ต้องวิ่งไปหาร้านติดอีกเลยครับ
ด้านหลังก็มีติดฟิล์มกันรอยและบอกรายละเอียด การใช้งานปุ่มแต่ละปุ่มมาให้เหมือนกันครับ
อุปกรณ์ภายในตัวเครื่องแถมเคสใส มาให้ด้วย นอกนั้นก็เป็นอุปกรณ์ทั่วไป ตัวจิ้มซิม หูฟัง เต้าชาร์จ และสายUSB ครับ
ลองเอามาจับดูบ้างขนาดพอดีมือถือแล้วเท่เลยแฮะ หน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ด้านล่างมีโลโก้ของ Huawei เหนือบนจอจะมีกล้องหน้าขนาดความชัด 5 ล้านพิกเซล และลำโพงสำหรับสนทนา
ผมชอบดีไซน์ด้านหลังมากๆ นอกจากกล้อง 13 ล้านพิกเซลและแฟลชแล้ว ยังมีปุ่มสแกนนิ้วมือเพิ่มเข้ามาอีกด้วย โดย Fingerprint Scanner 2.0 ใช้เวลาสแกนเพียง 0.5 วินาที ยังสามารถสแกนนิ้วได้ทั้ง 360 องศาหรือกระทั่งนิ้วเปียกก็ยังสแกนได้ โดยที่เราไม่ต้องเปิดตัวเครื่องก่อนเลยครับ ต้องขอบอกเลยว่าเป็นเครื่องแรกที่ผมได้ลองสัมผัสกับฟังก์ชั่นสแกนนิ้วมือนี้ชอบมากและรู้สึกสะดวกขึ้นมากๆครับด้านล่างก็จะเป็นโลโก้ HUAWEI ชื่อรุ่น และโมเดลครับผม
ในส่วนขอบด้านขวาของตัวเครื่อง มีปุ่มปรับ Volumn เสียง และปุ่ม Power สำหรับปิด-เปิดหน้าจอ หรือปิด-เปิดตัวเครื่อง
ส่วนขอบด้านซ้ายของเครื่องมีช่องใส่ซิมได้จำนวน 2 ช่อง และช่องสำหรับ microSD Card แยกต่างหาก ทำให้สามารทใส่ซิมทั้ง 2 พร้อมกับ microSD ได้เลย นี้คือจุดประทับใจอีกหนึ่งจุดเล็กๆน้อยๆต่างจากรุ่นบางรุ่นครับ
ขอบด้านบนตัวเครื่องมีช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐานทั่วไปครับ 3.5 มม.
ด้านล่างเครื่องมาพร้อมลำโพงคู่ (เสียงลำโพงออกใสๆนะไม่ได้ดังมาก) ไมโครโฟนและ พอร์ตสำหรับเสียบสาย USB ครับผม ดีไซน์ได้สวยทุกส่วนจริงๆโดนใจมาก
การใช้งานภายใน
HUAWEI GR5 ใช้ UI ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองแต่มองดูแล้วเรียบๆง่ายๆ แต่ก็ต้องใช้ไปสักระยะเหมือนกันแฮะถึงจะชิน หน้าจอล๊อคสกรีนก็จะมีแสดงเวลา วันที่ สามารถกดถ่ายรูปจากหน้าจอล๊อคสกรีนได้เลยเช่นกันครับ
การปรับแต่งหน้าจอล๊อคสกรีนก็สามารถทำได้ง่ายๆเลยโดยปัดขอบด้านล่างขึ้นมาก็จะมีแถบ Lockscreen Quick ขึ้นมาแสดงให้เรา สามารถเริ่มเล่นเพลง หรือเปลี่ยนภาพหน้าปกได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถเลือกเรียกใช้งานเครื่องบันทึกเสียง, เครื่องคิดเลข, ไฟฉาย และกล้องถ่ายรูปได้อีกด้วยครับ
การจัดการหน้าจอหลัก หรือหน้าโฮม กดที่หน้าจอค้างไว้ก็จะขึ้นเมนูต่างๆแบบในภาพ โดยสามารถเปลี่ยนวอลเปเปอร์, เพิ่มวิตเจ็ดต่างๆให้หน้าจอหลักดูส่วนงามขึ้น , เปลี่ยนเอฟเฟ็กการเลื่อนหน้าจอแบบต่างๆ และจะเพิ่มหน้าจออีกกี่หน้าก็ได้
ในส่วนของหน้าจอการตั้งค่าวอลเปอเปอร์ สามารถตั้งได้ทั้งหน้าจอล๊อคสกรีน และหน้าจอโฮมของเราเลย แถมยังตั้งค่าเขย่าเพื่อเปลี่ยนวอลเปอเปอร์ได้ด้วยครับ
ในส่วนของวอลเปอเปอร์นั้น มีทั้งที่มีอยู่ในเครื่องโทนสีสวยสดงดงาม ทั้งแบบภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวอีกด้วยครับ ในส่วนของแบบเคลื่อนไหวก็สวยงามไม่หน่วงเครื่องด้วยครับ
เมื่อกดปุ่ม Task switcher หรือ Recent App (ปุ่มขวาสุด) จะแสดงรายการแอพพลิเคชั่นที่เปิดใช้งานอยู่ สามารถปัดแต่ละแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานขึ้นได้แต่ละอันหรือปัดทั้งหมดทีเดียวเลยก็ได้เพื่อปิดการใช้งานครับ
หน้าจอนี้ปัดขอบด้านบนหน้าจอลงมาก็จะแสดงให้เห็นกันแล้ว การแจ้งเตือนจะแสดงรายการแบบไทม์ไลน์ เลือกแตะที่รายการเพื่อเปิดดู หรือปัดซ้าย-ขวาเพื่อลบการแจ้งเตือนทีละรายการหรือกดไอคอนถังขยะมุมซ้ายล่างเพื่อลบทิ้งทั้งหมดครับ ส่วนของทางลัดเป็นส่วนของการเข้าเมนูการใช้งานหลายๆอย่างแบบง่ายๆ เปรียบเสมือนการเข้า Control Panel นั่นเอง
หน้า UI ของ Huawei GR5 มีธีมให้เปลี่ยนมากมายครับใครเบื่อของเดิมๆ สามารถเลือกโหลดได้ตามใจชอบเลยครับมีให้เยอะมากๆ มีให้ดาวน์โหลดฟรีครับ
ยังมีโหมดสำหรับการใช้งานที่ไม่ยุ่งยากอีกด้วยนะครับ เข้าไปตั้งค่าที่”สไตล์ของหน้าจอหลัก” เป็นหน้าจอที่ไม่ซับซ้อนและมีปุ่น icon ใหญ่มองหาได้ง่ายเหมาะสำหรับผู้สูงอายุหรือเด็กๆครับ
ปุ่มนำทางด้านล่างในตอนแรกจะกำหนดมาแค่สามปุ่ม เราสามารถปรับสลับตำแหน่งหรือเพิ่มเมนูเรียกดูการแจ้งเตือนได้ครับแล้วแต่รูปแบบการจัดวางเลย
ในส่วนเมนูต่างๆก็มีหลากหลายมากอาจต้องใช้เวลาศึกษาอีกนิดหน่อยถึงจะคุ้นเคยกันนะครับ สำหรับคนที่ไม่เคยใช้ของ HUAWEI แต่จุดเด่นของ GR5 ที่ผมชอบก็คือระบบสแกนนิ้วมือแบบ 360 องศา หรือเปียกน้ำก็สแกนได้เพียงแค่เราสแกนตั้งค่าลงไปในเครื่องก่อน สามารถบันทึกได้ถึง 5 ลายนิ้วมือเชียว และที่สำคัญการสแกนลายนิ้วมือสามารถทำได้เลยโดยไม่ต้องเปิดเครื่องขึ้นมาสแกน
ผลทดสอบคะแนน Benchmark และประสิทธิภาพการทำงาน
ผลการทดสอบจาก AnTuTu 6.0.1 ในโหมด 64-bit ทดสอบระบบการทำงานประสิทธิภาพส่วนต่างๆขอเครื่องคะแนนได้ 36789 คะแนนครับ
กล้องถ่ายรูป
ในส่วนของกล้องถ่ายรูปนั้นถือว่าสำคัญมากสำหรับผมเช่นกัน ยิ่งถ้าได้มือถือที่มาพร้อมกับกล้องถ่ายรูปสวยๆเวลาไปถ่ายภาพรีวิวอาหาร หรือสถานที่เที่ยวต่างๆมาฝากลูกเพจคงจะคล่องตัวไม่น้อยเลยนะเนี่ย
ในส่วนของโหมดถ่ายรูปนั้น ที่มีให้เลือกใช้งานหลากหลาย ได้แก่ โฟกัสทั้งหมด , HDR , พาโนรามา, สโลว์-โม(วิดีโอ) , เร่งความเร็ว(วิดีโอ) ลายน้ำ, ภาพที่ดีที่สุด , สมุดภาพ, อาหารน่าอร่อย (Good Food) และโหมดหน้าสวย(หน้าเนียน)
การตั้งค่าก็สามารถตั้งค่าได้หลากหลายทั้ง แท็ก GPS สถนที่ถ่าย หรือจะให้จับรอยยิ้ม สัมผัสหน้าจอเพื่อถ่ายภาพ ติดตามวัตถุเคลื่อนไหว บอกเลยว่าเยอะมากกกใช้สนุกจริง
และยังมีฟิลเตอร์ให้ใส่ภาพด้วยนะครับ อันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งลูกเล่นของกล้องเลย
เปรียบเทียบกล้องหน้า VS กล้องหลัง
ในส่วนนี้เราไม่ได้เปรียบเทียบรายละเอียดอยู่แล้วเพราะว่ากล้องหน้ามีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหลังมีความละเอียดที่ 13 ล้านพิกเซล แต่กล้องหน้าที่มีมุมกว้างกว่าพอสมควรพูดได้ว่ากว้างกว่ากล้องหน้าของหลายๆตัวที่เคยมีมาในราคาระดับนี้ทำให้แบบนี้เราสามารถเซลฟี่ เก็บรายละเอียดของฉากได้มากกว่าที่ควรครับพูดง่ายๆว่าเซลฟี่กับวิวสวยๆได้เลยแหละ (มุมถ่ายจุดเดียวกันครับสังเกตุว่ากล้องหน้าจะเก็บต้นไม้และรถที่มุมภาพได้มากกว่า)
เปรียบเทียบภาพถ่ายโหมด Auto VS Good Food
โหมดออโต้สีจะดูจืดๆ ธรรมดาทั่วไป แต่ในกรณีที่ต้องการถ่ายอาหารให้จบเลยดูน่ากินโหมด Good Food ก็ทำได้ดีเช่นกันโทนสีของโหมดอาหารนั้นจะเข้มดูน่าทานมากขึ้น ทั้งนี้ต้องดูสภาพแสงปัจจุบันด้วยนะครับถ้าร้านที่มีแสงสีเหลืองส้มมากอยู่แล้ว ใช้โหมดออโต้ก็ได้ครับ
ตัวอย่างภาพจากกล้อง
ภาพถ่ายจากกล้องหน้า
ภาพถ่ายจากกล้องหลัง
สรุปจุดเด่น
- คุ้มเมื่อเทียบกับราคา 7,990 บาท ได้หน้าจอ 5.5 นิ้ว Full HD เครื่องโลหะ และดีไซน์ที่ให้มา
- ใช้งานได้ 2 ซิมการ์ด และยังแยกช่องใส่ microSD card มาให้ด้วย สามารถใช้พร้อมกันได้ทั้งหมด
- ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 5.1.1 Lollipop ครอบทับด้วย Emotion UI 3.1
- มีระบบสแกนลายนิ้วมือ และสามารถทำงานได้รวดเร็วมาก ใช้เวลาเพียง 0.5 วินาที
- แบตเตอรี่ 3,000 mAh อึดกว่ารุ่นอื่นๆ
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล พร้อม LED Flash
จุดสังเกต
- ไม่สามารถถอดแบตเตอรี่ได้และการชาร์จไม่ได้รวดเร็ดเร็วมากนักเนื่องจากความจุแบตเตอรี่ที่ใหญ่
- ถ้าได้ RAM 3 GB จะสมบูรณ์มากๆ
2 comments
Pingback: CREPE CAFE เครปคาเฟ่ | กิน@หาดใหญ่
Pingback: ร้านอาลุนบะกุ๊ดเต้ | กิน@หาดใหญ่