ดินแดนในฝัน …หลายคนคงนึกถึงทะเลใสๆ บางคนฝันถึงสายหมอกสวยๆ คิดถึงลมหนาวกับแสงเช้า ฝันถึงทะเลดาวบนภูสูง คิดถึงที่ที่เงียบสงบ ฝันถึงถนนสายโรแมนติก ฯลฯ ฝันของคนเราไม่เหมือนกัน แต่กับบางสถานที่ที่ใครได้มาเห็น ได้มาถึง ได้มาสัมผัสต่างก็ต้องสะกดความรู้สึกออกมาเป็นคำเดียวกันว่า…เหมือนฝัน ที่ที่ความฝันจะฟุ้งกระจายผลิดอกออกผลมาเป็นสิ่งที่เราเรียกว่า…ความสุข
เมืองไทยมีที่แบบนั้นด้วยเหรอ มีสิ…แต่จะสวยงามแค่ไหน ก็ต้องไปสัมผัสกันจริงๆ สักครั้ง พร้อมออกเดินทางไปกับ Dream Destinations 10 จุดหมายในฝันแล้วหรือยัง
1.ป่าสนสลับสี
ในฤดูหนาว สายลมคล้ายดั่งพู่กันธรรมชาติ แต่งแต้มป่าสนให้เต็มไปด้วยสีสัน
เมื่อลมหนาวเดินทางมาถึง ป่าสนของ อ.กัลยาณิวัฒนา อำเภอลำดับ 878 ของประเทศไทย จะเริ่มผลัดใบรับฤดูหนาว เปลี่ยนสีเขียวของป่าที่ได้รับน้ำตลอดฤดูฝนให้เป็นสีสันตระการตา ไล่สีตั้งแต่เหลืองและน้ำตาลของต้นสนแดงและส้มของต้นเมเปิล ภาพที่เห็นคล้ายผืนผ้าใบไร้ขอบเขต ที่ถูกละเลงสีด้วยพู่กันธรรมชาติ และความที่แต่ละต้นมีการไล่ลำดับสีแตกต่างกัน ยิ่งทำให้ความสวยงามของเฉดสียิ่งมากขึ้นเป็นทวีคูณ สนสองใบและสนสามใบของที่นี่ เป็นป่าสนธรรมชาติผืนใหญ่ที่สุดของประเทศไทย
แสงสีทองของพระอาทิตย์ยามเช้าที่ตกกระทบไอหมอกที่ล่องลอยเหนืออ่างเก็บน้ำ สีสันของต้นไม้ใบหญ้า ตัดกับฟ้าคราม หมู่มวลดอกไม้ และวิถีชีวิตชาวบ้าน ทำให้ใครก็ตามที่ได้มาเยือนจะหลงเสน่ห์ไปกับมนต์สะกดของป่าสน ที่ความวุ่นวายต่าง ๆ จะเลือนหายไปราวถูกสะกด เพียงตื่นมาชมทะเลหมอก เดินเที่ยวตลาดชาวปกาเกอะญอ ปั่นจักรยานชมวิวชมธรรมชาติ ก่อนปิดท้ายด้วยการนอนดูดาวเต็มฟ้าในยามค่ำคืน เท่านี้ก็พอแล้ว ที่นักเดินทางตกหลุมรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
การเดินทาง
จากเชียงใหม่ มุ่งหน้าสู่ อ.แม่ริม เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1095 ที่มุ่งหน้าสู่ อ.ปาย ก่อนเข้า อ.ปาย ประมาณ 13 กิโลเมตร จะมีทางแยกซ้ายเข้าถนน หมายเลข 1265 ไปอีกประมาณ 40 กิโลเมตร ทางค่อนข้างคดเคี้ยวแต่เป็น sdaมีรถโดยสารสองแถวสีเหลือง (เชียงใหม่-สะเมิง-วัดจันทร์) ทุกวันจากสถานีขนส่งช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ หรือสามารถเลือกต่อรถจาก อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน แต่ควรตรวจสอบเวลารถก่อนเดินทาง
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
– ฤดูหนาวเป็นช่วงที่ป่ามีสีสันสวยงามที่สุด
– ที่นี่มีเส้นทางปั่นจักรยานที่สวยมาก ใครมียกใส่รถไปได้เลย
2.สะพานเมฆ เขาช้างเผือก จ.กาญจนบุรี
เหมือนปลายเท้าเหยียบอยู่บนพื้น แต่ร่างกายล่องลอยอยู่บนฟ้า
“เขาช้างเผือก” เป็นชื่อของยอดเขาที่สูงที่สุดของอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ มีความสูงประมาณ 1,249 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง เป็นเส้นทางเดินป่าที่สวยงาม น่าตื่นตา จนทำให้นักเดินป่าทั่วไทยทั้งหน้าใหม่ หน้าเก่า ปรารถนาจะได้มาพิชิตสักครั้งหนึ่งในชีวิต
ก่อนถึงจุดหมาย ไฮไลท์อยู่ที่นักเดินทางจะต้องเผชิญหน้ากับ “สันคมมีด” สันหินแคบราว 1 เมตรที่สองข้างทางเป็น เหวลึกที่ต้องไต่เชือกขึ้นไปทีละคน และในวินาทีที่เมฆหมอกไหลเข้ามาระหว่างช่องเขา ทำให้นักเดินทางจะรู้สึกเสมือน กำลังเดินอยู่บน “สะพานเมฆ” ที่ทอดยาวสู่ฟากฟ้า ปลายทางนั้นคือมหัศจรรย์ที่คุ้มค่า สามารถมองเห็นวิวได้รอบทิศทาง 360 องศา ทั้งเขื่อนวชิราลงกรณ์ ทัศนียภาพฟากฝั่งประเทศพม่า และในวันที่อากาศดีอาจเห็นได้ไกลถึง ทะเลอันดามัน
เพียงได้ยืนอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆที่ปกคลุมทั่วสันเขา สัมผัสอากาศหนาวๆ บนยอดดอย รับไออุ่นของแสงตะวัน ยามเช้า และเสพรับความบริสุทธิ์ที่ห่างไกลความวุ่นวาย ก็แทบจะเปลี่ยนให้เขาช้างเผือก กลายเป็นจุดหมายในฝันในหัวใจ ของนักเดินทาง
ทุกคน
การเดินทาง
จากกาญจนบุรีใช้ทางหลวงหมายเลข 323 สายกาญจนบุรี-ทองผาภูมิ ถึงตลาดอำเภอทองผาภูมิ ระยะทางประมาณ 141 กิโลเมตร จากอำเภอทองผาภูมิ ใช้เส้นทางหมายเลข 3272 สายทองผาภูมิ-บ้านไร่-ปิล๊อก ถึงสามแยกบ้านไร่ให้เลี้ยวซ้ายไป จนถึงอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 24-25
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
– ช่วงเวลาที่เหมาะสมไปได้ตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม – กุมภาพันธ์
– อุทยานฯ จำกัดนักท่องเที่ยวขึ้นไปบนยอดเขาช้างเผือก จำนวน 60 – 80 คน/วัน
– ค่าบริการลูกหาบคนละ 900 บาท (จำนวนลูกหาบที่ใช้ ขึ้นอยู่กับจำนวนสัมภาระของแต่ละคณะ)
– ค่าบริการเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ที่เป็นผู้นำทางคนละ 900 บาท
– เปิดให้ท่องเที่ยวประมาณช่วงเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพดินฟ้าอากาศของแต่ละปี
– นักท่องเที่ยวควรมีการเตรียมความพร้อมร่างกายให้แข็งแรง ควรเตรียมหมวก เสื้อแขนยาว แว่นกันแดด ไฟฉาย ของใช้ส่วนตัว และอุปกรณ์การเดินทางที่เหมาะสม
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ โทร 034-532-114, 081-382-0359 และททท.สำนักงานกาญจนบุรี โทร 034-512-001 , 034-512-500
3.อลังการสีสันแห่งผาสิริมงคล พระธาตุผาซ่อนแก้ว จ.เพชรบูรณ์
อลังการความศักดิ์สิทธิ์ โอบล้อมท่ามกลางทะเลแห่งขุนเขา
ผาซ่อนแก้ว เป็นชื่อยอดเขาที่ได้มาจากคำบอกเล่าของชาวบ้าน ซึ่งมองเห็นลูกแก้วลอยลงมาจากฟ้า ก่อนลับหายไปบริเวณถ้ำที่ยอดเขา กลายเป็นความเชื่อว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุเสด็จลงมา และต่อมาก็เป็นที่ตั้งของ “พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว” ก่อนจะเปลี่ยนเป็น วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว วัดแสนสวยแห่ง อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์
“วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว” ถูกสร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองราชย์ครบ 60 ปี ความโดดเด่นอลังการที่ไม่เหมือนใคร นอกจากทิวทัศน์สวยๆของทะเล ภูเขารายรอบ และทะเลหมอกสีขาว ก็คือสีสันสดใสอันเกิดจากการนำกระเบื้องสี ถ้วยชามเบญจรงค์ มุก ลูกปัด แก้วแหวน เงินทอง สิ่งมีค่าต่างๆ ตลอดจนเซรามิคหลากสีสัน มาประดับประดาตกแต่งเป็นลวดลายที่สวยงาม เมื่อยามต้องแสงแดด ทั่วทั้งอาณาบริเวณจะสะท้อนประกายงดงาม ราวกับวัดบนสรวงสวรรค์ เป็นสถานที่อันสวยงามและศักดิ์สิทธิ์ ควรค่าแก่การไปเยือน
ศูนย์กลางของวัดคือ “เจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้วสิริราชย์ธรรมนฤมิต” มีรูปทรงวิจิตรงดงามเลียนแบบดอกบัวที่ซ้อนกัน 7 ชั้น เพื่อถวายแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ส่วนยอดเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ใต้ฐานเป็นที่เก็บรวบรวมหลักธรรมคำสอน ภาพปริศนาธรรม รวมถึงใช้เป็นที่เจริญสติภาวนาสำหรับพุทธศาสนิกชน นักท่องเที่ยวสามารถกราบนมัสการ พระพุทธเลิศรัตนโชติมณี หรือ “พระหยกเขียว” และ พระพุทธรัตนสัมฤทธิ์ผล หรือ “พระหยกขาว” เดินเล่นที่ลานโพธิ์ หรือเที่ยวชมศาลาปฏิบัติธรรมที่สงบร่มเย็น และมองเห็นทิวทัศน์ได้โดยรอบ ซึ่งทางวัดจะจัดกิจกรรมปฏิบัติธรรมหมุนเวียน
ตลอดทั้งปี
การเดินทาง
จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 21 ผ่าน จ.สระบุรี และ จ.ลพบุรี จากนั้นเลี้ยวซ้ายสู่ทางหลวงหมายเลข 12 บริเวณแยกอนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมือง ขับตรงไปเรื่อยๆ ทางที่จะไปแยกแคมป์สน มีจุดสังเกตคือ อบต. แคมป์สนอยู่ขวามือ ขับตรงไปกลับรถ ทางเข้าวัดจะอยู่บริเวณปากทางเข้าหมู่บ้านทางแดงข้างๆ อบต. แคมป์สน
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
– วัดเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00น. – 17.00 น.
– ช่วงเวลาเย็น ทั่วทั้งบริเวณวัดจะสะท้อนแสงระยิบระยับเป็นภาพที่สวยงาม
– ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม หรือดูคอร์สปฏิบัติธรรมได้ที่ www.phasornkaew.org
4.ป่าห่มศรัทธา วัดป่าภูก้อน จ.อุดรธานี
อารามพิทักษ์ผืนป่า พลังศรัทธาแห่งสีเขียว
ศาสนสถานที่เปี่ยมไปด้วยความศรัทธา และความสวยงามของสถาปัตยกรรมของ วัดป่าภูก้อนแห่งนี้ ตั้งอยู่บนเนินเขา ที่รายล้อมด้วยผืนป่าเขียวขจีกว่า 3,000 ไร่ ซึ่งจุดเริ่มต้นในการสร้างวัด คือ ความมุ่งหมายที่จะรักษาธรรมชาติของป่าอันสมบูรณ์ และแหล่งต้นน้ำลำธารอันอุดมสมบูรณ์เอาไว้จากการถูกบุกรุกทำลาย
ภายในอุโบสถเป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี” ที่สร้างเนื่องในวโรกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ พระพุทธรูปปางไสยาสน์แนวนอนความยาวกว่า 20 เมตร ที่ใช้เวลาก่อสร้างนานกว่า 6 ปี และเต็มไปด้วยตำนานเล่าขาน ตั้งแต่การได้มาของหินอ่อนขาวบริสุทธิ์จากประเทศอิตาลี ซึ่งนำมาใช้เป็นส่วนของเศียรพระ รวมถึงงานแกะสลักอันวิจิตรตระการตาราวกับมีชีวิต จากนั้นแวะขึ้นไปกราบนมัสการ “องค์พระปฐมรัตนบูรพาจารย์มหาเจดีย์” เจดีย์ที่ชั้นบนสุดเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
บริเวณวัดเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงาม ที่นอกจากจะเย็นใจในการได้เดินทางมาเยือนดินแดนแห่ง พระพุทธศาสนา ยังเย็นตาไปกับงานก่อสร้างอันสวยงามอลังการ ร่วมสัมผัสความสุขในดินแดนพุทธศาสนาที่เต็มไปด้วย ต้นไม้ใหญ่น้อย จากหัวใจสีเขียว ที่เปลี่ยนป่าผืนสุดท้ายแห่งอีสานตอนบน ให้กลายเป็นวัดพิทักษ์ป่าอันเขียวขจี
การเดินทาง
จ.อุดรธานี อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 564 กิโลเมตร สามารถเดินทางได้ทั้งทาง รถยนต์ส่วนตัว รถทัวร์ รถไฟ หรือ เครื่องบิน หากใช้รถโดยสารสาธารณะ เลือกทางที่จะไป อ.นายูง ซึ่งอยู่ห่างจากวัดประมาณ 8 กิโลเมตร แล้วต่อรถรับจ้าง
เข้าวัดป่าภูก้อนอีกต่อหนึ่ง
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
– วัดป่าภูก้อนอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่านายูงและป่าน้ำโสม บนรอยต่อของ 3 จังหวัด คือ อุดรธานี เลย และ หนองคาย การเดินทางสามารถมาได้จากหลายเส้นทาง
– ถ้าอยากถ่ายภาพวัดในมุมสูง สามารถทำได้ด้วยการเดินป่าสู่จุดชมวิวบนหุบเขาด้านบน ซึ่งต้องติดต่อคนนำทางก่อน
5. เกล็ดพญานาคริมโขง อ.สังคม จ.หนองคาย
เมื่อสายน้ำลดระดับ ริ้วรอยแห่งธรรมชาติจะถูกเปิดเผย และร่องรอยแห่งศรัทธาจะปรากฎ
อัศจรรย์ธรรมชาติแห่งลำน้ำโขง ผลจากการที่คลื่นได้พัดพาเอาทราย และตะกอนมาทับถมรวมกัน สร้างริ้วทรายบนผืนดินชายฝั่งให้กลายเป็นลวดลายอันงดงาม ราวกับภาพวาดของพู่กันยักษ์จากมือที่มองไม่เห็น ยิ่งเมื่อเกิดขึ้นในดินแดนที่ประเพณี ความเชื่อ และศรัทธาของผู้คน ต่างเกี่ยวข้องผูกพันแห่งความเชื่อเกี่ยวกับสัตว์ในตำนาน ก่อให้เกิดจินตนาการดังว่า นี่เป็นผลจากการที่พญานาคเลื้อยผ่านจนเป็นรอย“เกล็ดพญานาค” ยิ่งสร้างความพิศวงลึกลับขึ้นเป็นทวีคูณ
อย่างไรก็ตาม ความสวยงามนี้กลับถูกซ่อนไว้ใต้ผืนน้ำ เพื่อรอเวลาอันเหมาะสมที่จะเผยโฉมในยามที่น้ำเริ่มลด ลวดลายเหล่านั้นจึงค่อยปรากฏขึ้นแก่สายตา ซึ่งหากได้จากภาพมุมสูงก็จะยิ่งเห็นได้อย่างชัดเจน นับเป็นปรากฏการณ์ ทางธรรมชาติที่ไม่ได้เห็นกันบ่อยนัก
การที่ได้ฉายาว่าเมือง “นาคานคร” ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติเช่นนี้ จึงยิ่งตอกย้ำความเชื่อของผู้คนทั้ง 2 ฟากฝั่ง ให้ยิ่งแน่นแฟ้น แม้หลายสิ่งจะเป็นเพียงเรื่องเล่าเก่าแก่ แต่เมื่อผนวกความสวยงามของสถานที่ ความเชื่อและตำนาน ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ยิ่งทำให้เกล็ดพญานาคริมฝั่งโขงแห่ง อ.สังคม ควรค่าที่จะไปดูให้เห็นกับตาแม้เพียงสักครั้ง
การเดินทาง
หนองคายสามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ ได้หลายวิธี ทั้งรถประจำทาง รถไฟ หรือเลือกนั่งเครื่องบินไปลงอุดรธานีโดย อ.สังคม อยู่ห่างจาก อ.เมืองหนองคาย ประมาณ 95 กิโลเมตร ต้องต่อรถประจำทางท้องถิ่นหรือเหมารถสองแถวอีกต่อหนึ่ง
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
– ช่วงเวลาเหมาะสมที่จะไปชม ควรไปช่วงฤดูหนาวหรือฤดูร้อน (ช่วงน้ำลด)
– ถ้าอยากได้ภาพมุมกว้างที่มองเห็นทั้งเกล็ดพญานาค วิวแม่น้ำโขง และทัศนียภาพของทั้งประเทศไทย และประเทศลาว ให้ขึ้นไปที่จุดชมวิวบริเวณวัดผาตากเสื้อ
6.หมู่เกาะสุดแดนบูรพา หมู่เกาะทะเลตราด จ.ตราด
หมู่เกาะแผ่นดินตะวันออก ที่จะเปลี่ยนวันหยุด ให้เป็นมากกว่าที่เคย
ตราด สวรรค์ของคนรักธรรมชาติ พร้อมแล้วที่จะให้คุณได้ไปสัมผัสโลกของทะเลตะวันออกที่สวยงามไม่แพ้ฝั่งอันดามันพบกับสีเขียวมรกตของท้องทะเล สีฟ้าของท้องฟ้าปนเมฆจางๆ ที่ตัดกับสีสันของชุดว่ายน้ำของนักท่องเที่ยว พร้อมเกาะน่าเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเกาะช้าง เกาะกูด เกาะหมาก เกาะกระดาน เกาะขาม ฯลฯ ให้คุณเลือกว่าอยากไปชิวที่ไหน
ชมฝูงปลาตามแนวปะการัง หาดทรายขาวแนวยาว และบรรยากาศของทะเลที่เงียบสงบ ตามองไปทางไหนก็เห็นแต่ ต้นมะพร้าว หูฟังได้ยินแต่เสียงคลื่นจากทะเล ลิ้นก็ได้ลิ้มรสอาหารทะเลอร่อยสดๆ เพียงแค่ติดหนังสือที่อยากอ่าน เลือกเพลงที่อยากฟัง แล้วพกกล้องถ่ายรูปไปเก็บความประทับใจ เท่านี้ก็แทบอยากจะปล่อยใจไปกับบรรยากาศดีๆ ริมทะเลไว้ให้นานแสนนาน
ไม่เพียงแต่ท้องฟ้าและทะเล หมู่เกาะทะเลตราดยังมีกิจกรรมให้เลือกทำอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นชมฝูงปลาที่ เกาะกระดาด ดูปะการังตามแนวหินภูเขาไฟที่เกาะขาม หรือปั่นจักรยานชมวิถีชีวิตอันเรียบง่าย ดื่มด่ำความสวยงามของ ธรรมชาติ นั่งมองทะเลยามกลางวัน มองดวงดาวยามค่ำคืน จากนั้นเปิดหัวใจคุณได้สัมผัสความสุขที่หมู่เกาะแผ่นดิน ตะวันออกรอมอบให้
การเดินทาง
รถส่วนตัวสามารถเลือกไปได้หลายเส้นทางสู่ จ.ตราด ทั้งทางหลวงหมายเลข 3 (สุขุมวิท) หรือ 34 (บางนา-บางปะกง) นอกจากนี้ยังมีรถโดยสารประจำทาง และสามารถต่อรถไปถึงท่าเรือได้อย่างสะดวกสบาย
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
– เกาะหมากมีสวนยางพาราให้เที่ยวชมวิถีท้องถิ่นของชาวบ้าน และเกาะกูดมีน้ำตกให้ไปนอนเล่น
– ควรดูสัญญาณโทรศัพท์ดีๆ เพราะบางแห่งจะกลายเป็นสัญญาณของประเทศกัมพูชา หากใครเปิดระบบอัตโนมัติไว้ ระวังจะเจอค่าโทรแบบ international ซึ่งมีราคาสูง
– ที่เกาะช้างมีบริการ Dinner Cruise ที่นั่งเรือพายพาชมหิ่งห้อยยามค่ำ โรแมนติกมากสำหรับคู่รัก ติดต่อได้ที่ชมรมนำเที่ยวพื้นบ้านสลักคอก
7.ถนนชล-จันท์ ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต จ.ชลบุรี – ระยอง – จันทบุรี – ตราด
ชิวอารมณ์ไปกับภูเขา ท้องฟ้า และสายน้ำ ผ่านถนนเลียบทะเลที่ยาวที่สุดในประเทศไทย
ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้ขับรถเพลินๆ ไปบนถนนที่ด้านหนึ่งเป็นภูเขาและอีกด้านเป็นทะเลเป็นแน่ ถนนที่ชมวิวได้อย่างต่อเนื่องสายนี้ มีจุดเริ่มตั้งแต่ จ.ชลบุรี ผ่าน จ.ระยอง จ.จันทบุรี ไปจนถึง จ.ตราด เป็นเส้นทางที่เรียกได้ว่ามีทัศนียภาพที่สวยงามที่สุดในภาคตะวันออก มาชวนเพื่อนครอบครัว หรือคนรัก เปิดหน้าต่างฟังเสียงคลื่น สัมผัสกลิ่นไอทะเลในอารมณ์ “Scenic Route” บน “ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต”
เสน่ห์ของการเดินทางอันสวยงามน่าประทับใจ เลาะเลี้ยวไปกับฝั่งทะเลและชายเขา ผ่านเส้นทางที่หาไม่ได้จากที่ไหนๆ ซึ่งนอกจากจะเป็นทางรถยนต์สวยๆ ยังมีช่องทางสำหรับจักรยานให้นักปั่นได้สัมผัสความรื่นรมย์อย่างช้าๆ ที่ได้ทั้งการท่องเที่ยวและสุขภาพ อีกทั้งตลอดการเดินทางมีจุดให้เที่ยวมากมาย
แวะอ่าวไข่ ไปแหลมแม่พิมพ์ ไหว้ศาลกรมหลวงชุมพรฯ ชมพิพิธภัณฑ์ทางทะเลที่แหลมเสด็จศึกษาการพัฒนาป่าชายเลน และระบบนิเวศน์ของโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จอดรถเล่นน้ำที่อ่าวกระทิง ฯลฯ ก่อนไปสิ้นสุดถนนที่หาดแหลมสิงห์ นอกจากมีเส้นทางที่สวยงาม ระหว่างการเดินทางยังมีสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งที่พัก ร้านอาหาร สินค้าและบริการต่างๆ ครบครัน เดินทางบนเส้นทางใหม่…ทางที่จะทำให้คุณได้พบกับความสุขครั้งใหญ่
การเดินทาง
ถนนสายนี้เริ่มตั้งแต่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ไปยังแยกทางหลวงหมายเลข 3161 (สุขุมวิท – อ่าวไข่) จ.ระยอง เลียบชายฝั่งทะเลตะวันออกไปเรื่อยๆ และสุดทางที่บ้านแหลมสิงห์ จ.จันทบุรี รวมระยะทางทั้งหมด 111 กิโลเมตร
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
– ควรตรวจสภาพรถให้พร้อมก่อนเดินทาง
– ตลอดเส้นทางมีจุดแวะพักมากมาย ควรวางแผนการเดินทางและเผื่อเวลาไว้สำหรับการแวะเที่ยวชม
8. ทะเลหมอกใกล้กรุง เขาพะเนินทุ่ง อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี
ทะเลหมอกแห่งผืนป่าตะวันตก ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติใกล้กรุงฯ
หากเอ่ยถึง ‘ทะเลหมอก’ ส่วนใหญ่ทุกคนคงนึกถึงทะเลหมอกภาคเหนือ แต่ยังมีทะเลหมอกอีกหนึ่งแห่ง ที่ไม่ไกลมากนักจากกรุงเทพฯ คุณก็จะได้เห็นทะเลหมอกที่มีให้ชมตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นช่วงฤดูร้อน โดยไม่ต้อง เดินทางไกลไปถึงภาคเหนือ
เก็บกระเป๋าออกเดินทางมุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เพื่อขึ้นไปชม ‘ทะเลหมอกเขาพะเนินทุ่ง’ ดินแดนในฝันที่เราอยากจะแบ่งปันให้คุณได้มาสัมผัส การเดินทางขึ้นเขาพะเนินทุ่งนั้น ต้องใช้รถกระบะโฟล์วิวขับผ่าน อุโมงค์ต้นไม้ และลัดเลาะไปตามเส้นทางที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติตลอด 2 ข้างทาง หากโชคดีอาจได้พบเห็น สัตว์ป่า เช่น ค่างแว่นถิ่นใต้ กวาง นกเงือก และสัตว์ป่านานา ที่ออกมาหากินอยู่ตามริมทาง ในช่วงฤดูร้อนบริเวณ บ้านกร่างแคมป์ก็จะละลานตาไปกับฝูงผีเสื้อจำนวนมากที่ออกมากินแร่ธาตุตามโป่งดิน ซึ่งในช่วงบ้านกร่างแคมป์ เส้นทางที่มุ่งหน้าสู่เขาพะเนินทุ่ง เป็นเส้นทางถนนลูกรังและเส้นทางขึ้นภูเขา จึงต้องใช้ความชำนาญในการขับขี่พอสมควร
เมื่อถึงจุดหมายปลายทางจุดชมวิวทะเลหมอกเขาพะเนินทุ่ง กม.30 และ กม.36 คุณจะได้พบกับความมหัศจรรย์ ของธรรมชาติที่ถูกซ่อนเอาไว้ท่ามกลางเทือกเขาตะนาวศรี ที่เต็มไปด้วยทะเลหมอกสีขาวโพลนลอยปกคลุมอยู่เหนือยอดเขา ตลอดทั้งปี (เสมือนภูลวงตา) พร้อมกับสายลมหนาวที่โบกโบยมาพร้อมกับแสงแดดอุ่นๆยามเช้าและอากาศที่บริสุทธิ์ เมื่อหมอกเริ่มกระจายออกจากกัน ยอดต้นไม้สีเขียวสดก็จะค่อยๆ โผล่พ้นหมอกขึ้นมาให้เห็นสุดลูกหูลูกตา คงทำให้ การเดินทางในครั้งนี้ หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง หากใครมีเวลามากพอ ขอแนะนำให้ชวนเพื่อนๆขึ้นมากางเต็นท์ นอนนับดาว และสัมผัสลมหนาวบนยอดเขาพะเนินทุ่งกันสักคืน
การเดินทาง
จากกรุงเทพ ใช้ทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2) ผ่าน จ.สมุทรสงคราม – สมุทรสาคร ถึง แยกวังมะนาว อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ผ่านแยกเข้าตัวเมืองเพชรบุรี ถึงสามแยกท่ายาง (กม.183-184) เลี้ยวเข้าถนน 3187 ผ่าน อ.ท่ายางและเลียบคลองชลประทาน ระยะทางประมาณ 7 กม. ถึงเขื่อนเพชรใช้เส้นทาง 3499 ระยะทางประมาณ 30 กม. ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จากที่ทำการอุทยานฯ ถึงบ้านกร่างแคมป์ ระยะทาง 35 กม. และ ต่อไปอีก 15 กม.ถึงเขาพะเนินทุ่ง
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
– อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้กำหนดปิดพื้นที่ท่องเที่ยวในเขตอุทยานฯ ตั้งแต่บริเวณด่านสามยอด – บ้านกร่างแคมป์ – เขาพะเนินทุ่ง ในวันที่ 1 กรกฎาคม – 31 ตุลาคม และจะเปิดอีกครั้งในวันที่ 1 พฤศจิกายนของทุกปี
– กำหนดเวลาขึ้น–ลงเขาพะเนินทุ่ง วันละ 2 รอบ ดังนี้
เวลาขึ้น ช่วงเช้าเวลา 05.30- 07.30 น. ช่วงบ่ายเวลา 13.00 – 15.00 น.
เวลาลง ช่วงเช้าเวลา 09.00 – 10.00 น. ช่วงบ่ายเวลา 16.00 – 17.00 น.
– จองพื้นที่กางเต็นท์ www.dnp.go.th
– ติดต่อเช่ารถขึ้นเขาพะเนินทุ่งและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน โทร. 032-459293
– สอบถามข้อมูลโรงแรม/ที่พัก นอกที่ทำการอุทยานที่ททท.สำนักงานเพชรบุรี โทร.032-471005-6 www.เที่ยวภาคกลาง.com
9.สระว่ายน้ำกลางทะเล เกาะห้อง จ.กระบี่
ดีกว่าไหม…ถ้าสระว่ายน้ำของคุณจะล้อมรอบด้วยผืนทรายและขอบฟ้า
หากใครได้มาลอยคอไปกับความสวยใสของสระว่ายน้ำสีมรกตของเกาะห้อง ก็แทบจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปได้ไม่ยาก ลากูนกลางทะเลแห่งนี้ รายล้อมด้วยผาหินปูนเรียงรายที่โอบล้อมน้ำทะเลใสแจ๋วไว้ จนเหมือนเป็นสระว่ายน้ำส่วนตัวที่ไม่มีคลอรีน มีก็แต่สระน้ำใสๆ ที่ขอบสระเป็นหาดทรายขาว แถมด้วยปลาทะเลฝูงใหญ่ที่คอยเวียนว่ายอยู่เป็นเพื่อนไม่ให้เหงา
ด้วยน้ำทะเลตื้นและใส ด้วยหาดทรายที่ไม่ลาดชัน นักท่องเที่ยวสามารถดำผุดดำว่าย นอนกลิ้งเกลือกไปกับหาดทราย สัมผัสกับสายลม แสงแดด ได้อย่างสบาย ๆ และถ้าใครไม่ชอบเล่นน้ำ จะนั่งชิลชิลเคล้าเสียงคลื่น ถ่ายรูปกับฟ้าใสๆ น้ำสวยๆ หรือพายเรือคายัคเล่น ก็แทบจะทำให้มีความสุขจนอิจฉาตัวเอง
ไม่มีอะไรดีไปกว่าออกไปใช้ชีวิตใต้ผืนฟ้ากว้าง ปล่อยตัวเองแล้วเปิดใจอิสระ ไปกับอิสระที่ไร้พันธนาการ วางภาระวุ่นวาย ไว้ชั่วคราว แล้วสุขไปกับธรรมชาติที่ได้รับคำกล่าวขานว่าเป็นหนึ่งในหมู่เกาะที่น่าเที่ยวที่สุดในโลก รับรองว่าเพียงครั้งเดียว…คุณจะหลงรักจนถอนตัวไม่ขึ้น
การเดินทาง
มีเรือเร็วที่อ่าวนาง หรือหาเรือได้ที่ท่าเทียบเรือท่าเลน และท่าเรือที่หาดนพรัตน์ธารา แต่ขอแนะนำให้ซื้อแพ็คเกจ แบบครึ่งวัน หรือเต็มวันไปจะสะดวกกว่า ซึ่งส่วนมากจะรวมเรื่องอาหารและเครื่องดื่มและเกาะอื่นๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
– บนเกาะมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของอุทยานฯ มีร้านเครื่องดื่ม ขนม สุขา
– ฤดูกาลท่องเที่ยวที่เหมาะสม คือ ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน
10.สวรรค์ของคนมีความรัก เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล
ฟ้าใส ทรายขาว ทะเลสีมรกต เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะละลายหัวใจนักเดินทาง
แม้จะไม่มีโรงแรมหรู 5 ดาว หรือสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย แต่หาดทรายสีขาวดั่งเพชรที่จับคู่มากับน้ำทะเล ที่ใสราวกระจก ก็พอเสียยิ่งกว่าพอ ที่จะทำให้ลืมหลายอย่างที่เคยต้องการ และด้วยชื่อเสียงร่ำลือกันถึงความงาม ได้รับ ขนานนามว่า “มัลดีฟเมืองไทย” ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ “เกาะหลีเป๊ะ” เรียกร้องให้นักเดินทางออกไปค้นพบ
“หลีเป๊ะ” มาจากภาษาชาวเล “อูรักลาโว้ย” แปลว่า กระดาษ เป็นภาษาของชนกลุ่มแรกที่มาตั้งถิ่นฐานที่นี่ ตั้งชื่อจาก ลักษณะภูมิประเทศของเกาะที่แบนราบ และมีความยาวจากหัวเกาะไปยังท้ายเกาะเพียงแค่ประมาณ 3 กิโลเมตร แต่ว่าเป็น 3 กิโลเมตรแห่งความโรแมนติก ที่จะสะกดลมหายใจของใครหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากได้มากับคนรัก
จูงมือกันดำน้ำที่ร่องน้ำจาบัง เป็นการดำน้ำตื้นที่สามารถชมปะการังน้ำลึกได้ แวะอ่าวลิงที่เต็มไปด้วยกองทัพปูเสฉวน ชื่นชมความงามหาดพัทยา หาดชาวเล ดูความมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติของเกาะหินงาม แล้วแวะหาเครื่องดื่มเย็นๆ อาหารทะเลสดๆ ที่ถนนคนเดิน นั่งชมพระอาทิตย์ตกยามเย็นที่สะท้อนกับชายหาด ปิดท้ายก่อนกลับด้วยการไป ลอดซุ้มประตูหินบนเกาะไข่ ซึ่งเชื่อกันว่าจะทำให้ครองคู่กันอย่างมีความสุข เท่านี้ก็ทำให้เกาะหลีเป๊ะกลายเป็นสวรรค์ของ คนมีความรัก
การเดินทาง
จากท่าเรือปากบารา อ.ละงู จ.สตูล มีเรือไปเกาะหลีเป๊ะทุกวัน เดินทางได้ช่วงเวลา ต.ค. ถึง พ.ค. ของทุกปี แต่ควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อน หรือเลือกนั่งเครื่องบินไปลงที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แล้วค่อยต่อรถไป
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
– เนื่องจากที่พักบนเกาะต้องปั่นไฟฟ้าใช้ ดังนั้นควรตรวจสอบกับที่พักแต่ละแห่งว่า เปิด-ปิด ไฟเวลาเท่าใด
– อาหารบนเกาะค่อนข้างมีราคาแพงหากพกอะไรติดตัวไปได้ จะช่วยให้ประหยัดขึ้น
– หาข้อมูลเพิ่มเติมจาก www.kohlipethailand.com
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : dreamdestinations.tourismthailand.org , edtguide.com