หากพูดถึงร้านอาหารญี่ปุ่นในหาดใหญ่ ก็คงจะนับเจ้าได้แต่ถ้าพูดถึงร้านที่ทำให้กระแสการกินอาหารญี่ปุ่นของคนหาดใหญ่เพิ่มขึ้นผมว่าต้องเป็นร้านนี้แน่นอน Hatyai Sashimi ร้านอาหารญี่ปุ่นที่เริ่มจากห้องแถวเล็กๆแคบๆเพียง 30ตร.ม. จนมีผู้คนถาโถมจนต้องขยายร้านให้ใหญ่ขึ้นแต่กระแสก็ยังไม่หยุดแรง จึงต้องเปิดเพิ่มอีกสาขา ณ ห้างไดอาน่า ภายในระยะเวลาแค่ 1 ปี กว่าๆ ที่นับได้ว่ามีการเติบโตแบบก้าวกระโดดมาก วันนี้ผมเลยมีบทสัมภาษณ์แบบ Exclusive ที่นี่ที่แรกแน่นอนกับแนวคิดที่ลุยมาถึงขนาดนี้ได้ยังไง มาอ่านพร้อมๆกันเลยครับ
จุดเริ่มต้นของ HATYAI SASHIMI
คุณดวงดาว ลาภภัทรนันท์ หรือคุณเบสท์ ได้เล่าให้ผมฟังว่าตัวเองเป็นคนชอบกินอาหารญี่ปุ่นมากแต่ด้วยความที่รู้สึกว่าราคาของเจ้าอาหารญี่ปุ่นมันค่อนข้างจะแพงอยู่จึงไม่สามารถทำให้กินได้บ่อยเท่าไหร่ก็เลยเปลี่ยนจากความชอบมาเป็นอาชีพตัดสินใจหันหลังให้กับอาชีพดีเจที่ทำอยู่ มาเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นร้านเล็กๆร้านแรกด้วยพื้นที่ๆแคบมากเพียง 30 ตารางเมตรเท่านั้น จุลูกค้าได้ประมาณ 10 กว่าคน แต่นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่สู้มาทำให้มีทุกวันนี้
ทำไมถึงเริ่มจากห้องแคบๆครับ
คุณเบสท์เล่าว่าตอนแรกที่ตั้งใจไว้คือขายแบบ Delivery แต่ไม่มีพื้นที่ให้เชฟในการทำอาหารและเตรียมวัตถุดิบอะไรเลยจึงตัดสินใจเลือกห้องนี้ขึ้นมาเป็นเหมือนครัวเพราะทำเลก็ไม่ได้ดีมากนักตั้งอยู่แถวประปาไม่คิดว่าคนจะมามากมายอะไรอยู่แล้ว สังเกตุป้ายหน้าร้านในช่วงแรกจะมีสัญลักษณ์คนขับส่งเลยเพราะว่าทำมาเพื่อส่งจริงๆ
จนวันนึงร้านเริ่มเปลี่ยนไป (เพราะใช้ Social)
เนื่องจากคุณเบสท์เป็นคนที่ใช้งาน Smart Phone เป็นประจำก็เลยดูจากพฤติกรรมตัวเองเลยเลือกใช้ Social Network ก็คือเจ้า Facebook เป็นเครื่องมือหลักในการทำสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้คนรู้จักร้านแต่ก็ไม่คิดว่า Feedback จะดีมากจนคนมาที่ร้านแบบถล่มทลาย เพราะ ณ ช่วงปีที่แล้วนั้นอาหารแบบร้านคุณเบสท์ผมว่าน่าจะเป็นเจ้าแรกๆในหาดใหญ่เลย ที่มีความหลากหลายในเรื่องของอาหารญี่ปุ่น ทำให้คนอยากรู้อยากลองมากขึ้น
ตัดสินใจขยายร้านเพราะลุกค้าติ
เนื่องจากร้านเล็กๆร้านแรกรองรับได้เพียง 10 กว่าคนมีโต๊ะให้นั่งเพียง 3 โต๊ะ ลูกค้าที่ตามมาส่วนใหญ่ก็มาจาก Social Network เพราะเห็นอาหารแต่ไม่ได้เห็นบรรยากาศร้าน แต่เมื่อมาถึงบางท่านอาจผิดหวังเล็กๆน้อยๆเนื่องจากร้านแคบมากจนเรียกได้ว่านั่งไม่สบายเลย จากที่คุณเบสท์ได้คลุกคลีปัญหานี้มาเป็นเวลา 6 เดือน จนถึงจุดที่ต้องตัดสินใจขยายเป็นร้านที่ใหญ่ขึ้นโดยเช่าจากที่ข้างๆเพื่อขยาย เป็น 15 โต๊ะ ทำให้รองรับลูกค้าได้มากขึ้น ลูกค้าก็เริ่ม Happy
แต่ทว่าร้านใหญ่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ (ปัญหา)
คุณเบสท์เล่าต่อว่า ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านร้านอาหารหรือทำธุรกิจส่วนตัวอะไรเลย ตอนมีร้านเล็กๆกับปัญหาเล็กๆก็ยังพอแก้ไหว แต่พอมีร้านใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมก็เลยเกิดปัญหาเพราะว่าเราไม่เคยมีร้านที่ใหญ่มาก่อน ทั้งเรื่องของคนงานที่อาจมีบ้างแต่เนื่องจากคนเบสท์อยู่ร้านตลอดเลยจะเป็นแบบอย่างให้น้องๆพนักงาน หรือจะเป็นเรื่องการจัดการภายใครัวที่มีขนาดใหญ่ขึ้น แต่อีกเรื่องคือด้านเทคนิค เช่น การใช้ไฟฟ้ากี่เฟสกับห้องขนาดนี้ หรือท่อระบายน้ำต่างๆ ทำให้ในครัวทั้งน้ำท่วมและไฟดับกันจ้าละหวั่น แต่ด้วยความที่เราคลุกคลีอยู่กับร้านเราสู้ทุกคนก็เลยสู้กับเราจึงค่อยๆหาทางแก้ปัญหาและผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
จุดที่มัดใจลูกค้าของ Hatyai Sashimi
- อาหารที่พัฒนาอยู่ตลอดเวลา เริ่มเปิดร้านแรกๆก็ได้นำเมนูแปลกๆที่ไม่มีในหาดใหญ่ เช่น เอนกาวะ ฟัวกราส์ มาขายที่นี่เป็นที่แรก ทำให้ร้านมีความหลากหลายและหากินที่อื่นไม่ได้
- ให้ความประทับใจแก่ลูกค้าไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลดแลกแจกแถม แจกฟรีต่างๆนาๆ งัดโปรต่างๆมาอย่างถล่มทลาย
- หรือแม้กระทั้งในกรณีที่ร้านทำผิดพลาด แค่คำขอโทษคงยังไม่พอ เราอาจต้องให้มากกว่าคำพูด เช่น ส่วนลด หรือกินฟรี เป็นต้นครับ
ช่วงวันแรกๆในการเปิดสาขานี้ผมมีโอกาสได้มาเดินซื้อของที่ห้างไดอาน่า แต่ทำให้เห็นภาพที่เป็นปรากฎการณ์เลยก็ว่าได้ คนต่อคิวยืนรอกว่าหลายสิบคิวอีกทั้งในร้านแน่นมากซึ่งถือว่าเป็นร้านที่ประสบความสำเร็จทำให้คนติดจริงๆเลยนะเนี่ย
ทำไมสาขานี้ถึงอยู่ในห้างครับ
ในเรื่องทำเลอาจไม่ได้สนใจตั้งแต่แรกเพราะว่าสาขาแรกตั้งอยู่ย่านประปา ทางไป ม.หาดใหญ่ ซึ่งไกลมากแต่ยังมีการตอบรับที่ดีจึงตัดสินใจเลือกที่ห้างไดอาน่า เพราะปัญหาหลักๆที่เคยเจอในสาขาแรกคือปัญหาทางด้านเทคนิคของร้านทั้งหมด ทั้งระบบท่อน้ำ ระบบไฟฟ้า ต่างๆเพื่อลดการจัดการในส่วนที่เราไม่ถนัดออกไปนั่นเอง
เป้าหมายในอนาคตของ HATYAI SASHIMI
- พัฒนา Sushi แบบสำเร็จรูปสำหรับซื้อกลับไปทานที่บ้านได้สะดวก
- ขยายสาขาเพิ่มภายในสนามบิน
- เปิดให้ครอบคลุมทั่วภาคใต้
ข้อคิดดีๆจากพี่เบสท์
- ถ้าเราคิดว่าเราชอบอะไรก็จงอดทนทำมันไปเรื่อยๆ ทุกๆอย่างล้วนมีอุปสรรคทั้งนั้นตั้งสติแแก้ปัญหาให้ได้
- เมื่อเกิดข้อผิดพลาดต่างๆทำผิดต้องยอมรับผิดห้ามแก้ตัวเด็ดขาด
คุยกับพี่เบสท์มาพอสมควรได้ข้อคิดดีๆมาเพียบกันเลยถือว่าเป็นอีกแรงผลักดันทำให้ไฟลุกโชนเลยทีเดียว สำหรับผู้ที่ทำให้เทรนด์การกินอาหารญี่ปุ่นในหาดใหญ่กลับมาฮอตฮิตอีกครั้ง ลองเอาแนวคิดของพี่เบสท์ไปใช้ดูนะครับ ทำร้านอาหารถ้าคลุกคลีกับร้านตลอดเราจะเข้าใจปัญหาอย่างแท้จริงและแก้ไขมันได้ง่ายแน่นอน