หากพูดถึงร้านอาหารตามสั่งราคาประหยัดที่มาแรงในช่วงปีสองปีนี้ คงต้องยกให้ร้านนี้กันเลย “ครัวปะ-หยัด” อีกหนึ่งร้านอาหารตามสั่งที่ได้เข้าคุยไปสัมภาษณ์แล้วรู้สึกว่าอุปสรรคเยอะเหลือเกินแต่ก็ยังอดทนและฟันฝ่ากันมาได้จนร้านเป็นที่รู้จักและมัดจัยวัยรุ่น คนทำงาน จนไปถึงกลุ่มครอบครัวได้เลยทีเดียว เค้ามีกลยุทธ์เคล็ดลับยังไง เราตามมาอ่านบทสัมภาษณ์นี้พร้อมๆกันได้เลยครับ
จุดเริ่มต้นของครัวปะ-หยัด
อภิชาติ(พี่ตั้ม) – สาสุนีย์(พี่น้ำ) พีระประสมพงศ์ เจ้าของร้านครัวปะ-หยัดได้เล่าให้ฟังก่อนที่จะมาทำธุรกิจร้านอาหารก่อนหน้านี้ในช่วงที่ราคายางบูมมากได้ทำธุรกิจรับซื้อน้ำยางคิดว่านี่แหละน่าจะเป็นธุรกิจที่พาไปให้ทั้งคู่ประสบความสำเร็จได้ แต่แล้วก็ไม่เป็นดั่งใจหวัง จนกระทั่งถึงช่วงวิกฤตราคายางตกต่ำกำไรของธุรกิจที่ทำอยู่เริ่มลดเหลือน้อยจนแทบขาดทุน ทั้งคู่จึงเริ่มมองหาธุรกิจตัวอื่นเสริมเพื่อมาเสริม ไม่ว่าจะเปิดร้านนม และขายหมูปิ้ง(ทำที่สะเดา) ล้วนทำมาหมดแล้วแต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร จึงเริ่มมองหาธุรกิจใหม่ๆใกล้ตัวที่ตัวเองชอบและทำได้ จึงมาหาสิ่งรอบตัวและความชอบ !! พี่ตั้มและพี่น้ำได้เล่าให้ฟังต่อว่าทั้งคู่ชอบไปตระเวนชิมอาหารตามร้านต่างๆ ก็เลยมีความคิดที่ว่าอยากจะเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเองบ้าง
อยากเปิดร้านอาหารแต่ทำอาหารไม่เป็น!!
พี่ตั้มเล่าต่อว่า ด้วยความที่มองเห็นช่องธุรกิจร้านอาหารตามสั่งน่าจะเป็นธุรกิจที่ใช่เพราะชอบกินเป็นชีวิตจิตใจคราวนี้อยากจะพลิกมาลองทำดูบ้าง จึงได้ไปขอฝึกทำอาหารกับทางคุณอา โดยใช้เวลาว่างหลังจากเลิกจากงานที่ทำอยู่ไปฝึกจนถึงค่ำๆทุกวัน จนกระทั่งเวลา 3 เดือน!! จึงตัดสินใจมองหาทำเลและพร้อมที่จะเปิดร้านอาหาร และเริ่มลงมือแต่งร้านพร้อมจะเปิดทันทีโดยในช่วงแรกที่เปิดนั้นพี่ตั้มและพี่น้ำยังคงทำธุรกิจรับซื้อน้ำยางไปด้วยเรียกได้ว่าไปกลับสะเดาทุกวัน
มีอุปสรรคตั้งแต่ยังไม่เปิดร้านกันเลย
พี่ตั้มและพี่น้ำเล่าต่อว่า หลังจากที่แต่งร้านเตรียมตัวเปิดร้านเสร็จ ก่อนถึงวันเปิดร้านได้เพียง 2 วัน!! ไฟไหม้ร้าน โชคยังดีที่ไหม้เฉพาะด้านล่างแต่ของที่ตกแต่งมาเสียหายหมดจึงต้องเลื่อนและทำใหม่ทั้งหมด จนได้มาเปิดร้านอีกครั้งนึงดูเหมือนปัญหาจนเริ่มหมดไปแต่ก็ยังไม่เป็นอย่างที่คิดเปิดได้ช่วงแรกๆฝนตกหนัก หลังคารั่วน้ำซึม(ซึ่งก่อนหน้าไม่รู้ว่าบ้านมีช่องโหว่ตรงไหนบ้างเพราะเป็นบ้านเช่า)ไหลลงจนท่วมห้องและไหลลงมาเรื่อยๆจนไฟช๊อตเครื่องใช้ไฟฟ้าและระบบไฟช๊อตทั้งร้าน ปิดปรับปรุง!! ทำบุญร้านครั้งใหญ่ ทุกอย่างค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ
อุปสรรคเริ่มหมดไปปัญหาร้านอาหารเริ่มมีมา!!
พี่ตั้มและพี่น้ำได้เล่าต่อ ด้วยที่เพิ่งเปิดร้านอาหารแรกๆเจอปัญหาหลากหลยมากมายเลย ไม่ว่าจะเป็นของไม่สด เพราะคาดเดาไม่ถูกในช่วงแรกว่าจำนวนลูกค้าจะมากหรือจะน้อยในแต่ละวัน ทำให้เราสต๊อกเผื่อไว้เยอะเกินของจึงไม่หมดก็ตัดสินใจทิ้งไปเพราะถ้านำของไม่สดมาขายต่อไปก็จะทำให้เสียชื่อร้าน ส่วนอีกปัญหาร้านก็หนีไม่พ้นเรื่อง บุคลากร ที่อยากจะหาคนเป็นงานจริงๆมียากมากและเข้าออกบ่อย การแก้ปัญหาก็คือ การฝึกคนนึงให้ทำเป็นทุกตำแหน่งเพื่อที่จะได้เวียนสลับกันไปได้ ในส่วนของสูตรก็ยังคงที่เพราะเราเป็นคนกำหนดให้ตายตัว เล่าต่อทิ้งท้ายว่ากว่าร้านจะลงตัวและมีกำไรสุทธิก็ปาเข้าไปถึงเดือนที่ 6 เลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวัตถุดิบช่วงแรกที่ต้องทิ้งไปและนำเงินมาปรับปรุงร้านตลอดจนลงตัว!!
ทำยังไงร้านถึงมีคนรู้จักเร็วมากครับ
พี่ทั้งคู่เรียนจบการตลาดมาจึงได้นำเทคนิคที่เรียนมาปรับใช้กับทางร้าน แต่ที่ขาดไม่ได้เลยคือ Social Network ที่ในยุคสมัยนี้ใครๆก็คงต้องก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือและเพื่อนๆเขาก็เล่นเช่นกัน ครัวปะ-หยัด จึงมีโปรโมชั่นเช็คอิน ลด 5% ทำยาวนานตลอดทั้งปีเลย จนคนเริ่มพูดถึงกันปากต่อปากมากขึ้นครับ ป้จจุบันครัว ปะ-หยัดเปิดมาได้ 2 ปีกว่าแล้ว
จุดเด่นของร้านครัวปะ-หยัด
- เน้นอาหารออกเร็วเพราะว่าที่ร้านมีหน้าเตาถึง 4 ตำแหน่ง อาหารออกเร็วแน่นอน
- บรรยากาศที่ดีกว่า สะอาดกว่า สว่างกว่า นำจุดอ่อนร้านอื่นมาปรับเป็นจุดแข็งร้านเรา ทำให้ตอบโจทย์ลูกค้า สังเกตุพฤติกรรมลูกค้า
เป้าหมายของทางร้าน
- อยากจะขยายร้านเพิ่มเติมเพื่อรับรองลูกค้าให้ได้มากขึ้น
- ขยายกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้นกว่าเดิม
ข้อคิดดีๆจากวัยรุ่นไฟแรง
- ความพร้อม อย่ารอให้เราพร้อม อยากทำอะไรต้อง ทำทันที เริ่มเลย ถ้าไม่เริ่มก็คงไม่รู้ว่าเราขาดอะไร ค่อยๆทำและแก้ไปทีละจุด อย่ารอ อย่าเดี๋ยว อย่าอ้าง
- เปิดใจ รับฟังข้อคิดเห็นจากลูกค้า พร้อมนำมาปรับใช้ อย่าบอกว่าเรากินแล้วเราอร่อย เราขายให้ลูกค้ากิน ถ้าอร่อยเองก็กินคนเดียว
- สำหรับคนที่จะทำธุรกิจใหม่ ต้องมีความเชื่อ ความอดทน เชื่อมั่นในตัวเอง แล้วจะเป็นแรงผลักดันให้เราไปถึงฝัน
คุยกับคุณตั้มและคุณน้ำมาพอสมควรเลยถือว่าได้อะไรมาเยอะมาก ปัจจุบันทั้งคู่ปิดร้านรับซื้อน้ำยางและมาทำร้านอาหารแบบเต็มเวลาแล้ว อุปสรรค์มีไว้ให้ฝ่าฟัน ท้อได้ ล้มได้ แต่รีบลุกขึ้นมาสู้ใหม่ ถ้าไม่อดทน ก็คงไม่ประสบความสำเร็จเหมือนที่ทั้งคู่เป็นครับ ลองนำไปปรับใช้กันครับ